หนึ่งในประสบการณ์ที่คุณแม่ตั้งครรภ์ต้องเผชิญเมื่อถึงเวลาคลอด คือความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างการเจ็บเตือน (หรือที่เรียกว่า "เจ็บท้องก่อนคลอด") และการเจ็บในระหว่างการคลอดจริง แต่คุณแม่หลายคนอาจจะสับสนระหว่างสองประเภทนี้ เพราะลักษณะของความเจ็บอาจคล้ายคลึงกันมาก ทำให้บางครั้งไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็น "เจ็บเตือน" หรือ "เจ็บคลอด" กันแน่ ในบทความนี้ เราจะมาดูความแตกต่างระหว่างเจ็บเตือนและเจ็บคลอดว่ามีลักษณะอย่างไร และคุณแม่ควรทำอย่างไรเมื่อพบความเจ็บในแต่ละกรณี

1. เจ็บเตือน (Braxton Hicks Contractions)
เจ็บเตือนคือการหดตัวของมดลูกที่เกิดขึ้นระหว่างการตั้งครรภ์ โดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสที่สองหรือสามของการตั้งครรภ์ เจ็บเตือนมักจะไม่มีความสม่ำเสมอและเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ซึ่งทำให้หลายๆ คนเข้าใจผิดว่าเป็นอาการของการเจ็บคลอด
ลักษณะของเจ็บเตือน
ไม่มีความสม่ำเสมอ: เจ็บเตือนจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆ และความถี่หรือระยะเวลาที่ห่างกันจะไม่คงที่ บางครั้งอาจจะเกิดทุกๆ ชั่วโมง หรือบางครั้งก็ห่างเป็นวันๆ
ไม่มีความเจ็บปวดรุนแรง: อาการเจ็บเตือนมักไม่รุนแรงและไม่ทำให้คุณแม่รู้สึกเจ็บปวดจนทนไม่ได้ ความเจ็บจะรู้สึกเหมือนมดลูกแข็งตัวหรือบีบตัวในระยะสั้นๆ
ไม่มีการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก: เจ็บเตือนจะไม่ทำให้ปากมดลูกเปิดหรือมีการเปลี่ยนแปลงใดๆ จึงไม่สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณแม่กำลังจะคลอด
อาการจะหายไปเมื่อเปลี่ยนท่าทาง: การเคลื่อนไหวเช่นการเดินหรือการเปลี่ยนท่านอนมักช่วยให้เจ็บเตือนหายไปได้
การจัดการกับเจ็บเตือน
การพักผ่อน: หากรู้สึกเจ็บเตือน คุณแม่ควรนอนพักหรือเปลี่ยนท่าทาง
การดื่มน้ำ: การขาดน้ำอาจทำให้เจ็บเตือนเกิดขึ้นบ่อยขึ้น ดังนั้นการดื่มน้ำให้เพียงพออาจช่วยลดอาการนี้
การผ่อนคลาย: การหายใจลึกๆ และการผ่อนคลายช่วยลดความตึงเครียดของมดลูก
2. เจ็บคลอด (Labor Contractions)
การเจ็บคลอดเกิดขึ้นในระหว่างการคลอดจริงเมื่อร่างกายพร้อมที่จะนำทารกออกจากครรภ์ ซึ่งมีความแตกต่างจากเจ็บเตือนอย่างชัดเจน
ลักษณะของเจ็บคลอด
ความเจ็บปวดรุนแรงและสม่ำเสมอ: เจ็บคลอดมักมีความเจ็บปวดที่มากขึ้นและเป็นระยะที่สม่ำเสมอ โดยความเจ็บจะมีความถี่และระยะเวลาที่น้อยลง เช่น ทุกๆ 5-10 นาที หรือบางครั้งอาจจะทุกๆ 2-3 นาที
ความเจ็บปวดที่ยาวนาน: ความเจ็บจากการเจ็บคลอดมักจะยาวนานขึ้นเรื่อยๆ และไม่หายไปแม้จะเปลี่ยนท่าทางหรือเดิน
การเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก: ในระหว่างการเจ็บคลอด ปากมดลูกจะเริ่มเปิดเพื่อเตรียมพร้อมในการคลอดทารก ซึ่งสามารถตรวจวัดได้โดยการตรวจภายใน
ไม่สามารถควบคุมได้: ความเจ็บจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และเป็นการเจ็บที่คุณแม่ไม่สามารถควบคุมได้
การจัดการกับเจ็บคลอด
การหายใจลึกๆ: การหายใจลึกๆ ช้าๆ จะช่วยให้คุณแม่ผ่อนคลายและรับมือกับความเจ็บปวดได้ดีขึ้น
การเคลื่อนไหว: การเดินหรือการเปลี่ยนท่าทางอาจช่วยลดอาการเจ็บได้บางส่วน
การใช้ยา: หากอาการเจ็บคลอดรุนแรง คุณแม่อาจต้องใช้ยาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวด เช่น ยาชาเฉพาะที่หรือการคลอดด้วยวิธีที่ใช้ยาชาอย่างเอพิดูรัล (Epidural)
3. การแยกแยะเจ็บเตือน vs เจ็บคลอด
การแยกแยะความแตกต่างระหว่างเจ็บเตือนและเจ็บคลอดนั้นไม่ยากเกินไป โดยหลักๆ จะดูจาก:
ความสม่ำเสมอ: หากความเจ็บเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอและมีความถี่เพิ่มขึ้น อาจเป็นสัญญาณของการเจ็บคลอด
ความเจ็บปวด: หากเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อยๆ และไม่หายไปเมื่อเปลี่ยนท่าทางหรือเดิน อาจหมายถึงการเริ่มต้นของการเจ็บคลอด
การเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก: หากการเจ็บนำไปสู่การเปิดปากมดลูก คุณแม่จะเข้าสู่ระยะคลอดจริง
4. เมื่อไรควรไปโรงพยาบาล
หากคุณแม่พบว่าเจ็บที่เกิดขึ้นมีความถี่และความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หรือถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงของปากมดลูก ควรไปโรงพยาบาลทันที เพื่อให้แพทย์ประเมินสภาพและเตรียมตัวสำหรับการคลอด
การแยกแยะระหว่าง "เจ็บเตือน" และ "เจ็บคลอด" เป็นสิ่งสำคัญสำหรับคุณแม่ในระหว่างการตั้งครรภ์ เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการคลอดลูกในช่วงเวลาที่เหมาะสม การเข้าใจถึงลักษณะของอาการทั้งสองจะช่วยให้คุณแม่รู้ว่าเมื่อใดที่ควรติดต่อแพทย์และเข้าโรงพยาบาลเพื่อคลอดอย่างปลอดภัย