เบาหวานขณะตั้งครรภ์ (Gestational Diabetes Mellitus: GDM) เป็นภาวะที่พบได้บ่อยในแม่ตั้งครรภ์ โดยเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอในช่วงตั้งครรภ์ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น แม้ว่าส่วนใหญ่ภาวะนี้จะหายไปหลังคลอด แต่หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาจส่งผลต่อสุขภาพของทั้งแม่และทารกในครรภ์ได้ วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจว่า ใครเป็นกลุ่มเสี่ยง และ อาการเตือนที่ควรรู้ เพื่อให้แม่ท้องสามารถรับมือและป้องกันได้ทันท่วงที

ใครเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อเบาหวานขณะตั้งครรภ์?
เบาหวานขณะตั้งครรภ์สามารถเกิดขึ้นได้กับแม่ท้องทุกคน แต่บางกลุ่มมีความเสี่ยงสูงกว่าปกติ ดังนี้:
มีประวัติครอบครัวเป็นเบาหวาน หากมีพ่อแม่หรือพี่น้องเป็นเบาหวานชนิดที่ 2 ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้น
อายุมากกว่า 25 ปี
น้ำหนักเกินหรืออ้วน ดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 25 ก่อนตั้งครรภ์
เคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์มาก่อน
เคยคลอดทารกน้ำหนักแรกเกิดมากกว่า 4 กิโลกรัม
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นมาก ในระหว่างที่ตั้งครรภ์
มีภาวะความดันโลหิตสูงหรือเป็นโรคความดันโลหิตสูงเรื้อรัง
เคยมีประวัติทารกเสียชีวิตในครรภ์
อาการเตือนเสี่ยงโรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์
เบาหวานขณะตั้งครรภ์มักไม่แสดงอาการชัดเจน แต่มีสัญญาณบางอย่างที่แม่ท้องควรสังเกต ดังนี้:
กระหายน้ำมาก
ปัสสาวะบ่อย
อ่อนเพลีย
น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นเร็วในช่วงเวลาสั้นๆ
ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะบ่อย
มีปัญหาด้านการมองเห็น เช่น ตามัวหรือเห็นไม่ชัด
วิธีป้องกันและดูแลเบาหวานขณะตั้งครรภ์
แม้ว่าเบาหวานขณะตั้งครรภ์จะไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่มีวิธีลดความเสี่ยงและดูแลตัวเองได้ ดังนี้:
1. ตรวจคัดกรองเบาหวาน
ตรวจคัดกรองเบาหวานขณะตั้งครรภ์ตามคำแนะนำของแพทย์ (มักตรวจในช่วงไตรมาสที่ 2)
2. ควบคุมอาหาร
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูงและคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว
เพิ่มการรับประทานผัก ผลไม้ และอาหารที่มีไฟเบอร์สูง
3. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดิน ว่ายน้ำ หรือโยคะสำหรับแม่ท้อง อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
4. ควบคุมน้ำหนัก
ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติตามคำแนะนำของแพทย์
5. ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
หากแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรตรวจระดับน้ำตาลในเลือดตามที่แพทย์แนะนำ
6. รับประทานยาหรืออินซูลิน
หากจำเป็น แพทย์อาจให้ยาหรืออินซูลินเพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
เบาหวานขณะตั้งครรภ์เป็นภาวะที่แม่ท้องควรระวัง เพราะเป็นอันตรายทั้งต่อคุณแม่ตั้งครรภ์และทารกในครรภ์ หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจเสี่ยงสูญเสียทารกในครรภ์ และก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่อได้ การสังเกตอาการเตือนและเข้ารับการตรวจคัดกรองเบาหวานเป็นประจำจะช่วยให้สามารถป้องกันและรับมือกับภาวะนี้ได้ทันท่วงที หากมีข้อสงสัยหรืออาการผิดปกติ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัยของทั้งแม่และทารกในครรภ์